ลามิเนต คือกระบวนการผลิตแบบนึงที่เอาแผ่นวัสดุซ้อนทับกันเป็นชั้นๆ และบีบอัดเพื่อให้เกิดเป็นวัสดุแบบใหม่ หรือถ้าให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ก็ขอยกตัวอย่าง “พื้นลามิเนต” คือการนำเอาวัสดุที่เป็น ไม้ เศษไม้ เศษหิน หรือแผ่นฟิล์ม มาบีบอัดรวมกันเป็นชั้นๆ และยังเป็นต้นแบบของ "กระเบื้องยาง SPC" ที่ถูกพัฒนามาในภายหลัง
ต้นกำเนิดของวิธีนี้ที่แท้จริงนั้นมาจากประเทศสวีเดน ที่ตั้งอยู่แถบยุโรป
โดยบริษัทของชาวสวีเดนที่มีชื่อว่า “Perstorp”
และเป็นที่รู้จักกันในแบรนชื่อ “Pergo”
แผ่นลามิเนต ถูกผลิตขึ้นเพื่อมาเติมเต็มความต้องการของลูกค้าที่ต้องการพื้นที่คล้ายไม้จริง หรือไม้ปาร์เก้แต่มีราคาที่ถูกและเข้าถึงได้มากกว่า
แผ่นไม้ลามิเนต จะมีความหนาที่นิยมใช้กันอยู่ที่ 8 มิลลิเมตร ถึง 12 มิลลิเมตร
คุณสมบัติที่โดดเด่นของพื้นไม้ลามิเนตคงหนีไม่พ้น:
1. ราคาถูกกว่าไม้จริงหรือไม้ปาร์เก้ มาก แต่ให้ความรู้สึกที่คล้ายไม้จริง
2. ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว (ช่าง 1 ทีม สามารถติดตั้งได้ประมาณ 150 ตรม. ต่อวัน)
3. มีลวดลายและสีมากมายให้เลือกถ้าเทียบกับพื้นไม้จริง
4. ทำความสะอาดง่าย ไม่เก็บฝุ่น
5. แข็งแรง ทนทาน ด้วยความหนาแน่นของชั้นแกนกลาง HDF (High Density Fiberboard) คือการใช้เศษวัสดุ เศษไม้ ขี้เลื่อย เส้นใยต่างๆ ขึ้นอยู่กับเกรดวัสดุ มาผสมเคมีและอัดความร้อนขึ้นรูปเป็นแผ่น
ประวัติที่มาของพื้นลามิเนต
2520: แผ่นลามิเนต แบบ HPL (High Pressure Laminate) เป็น พื้นไม้ลามิเนตที่อัดเมลามีนด้วยแรงดันสูงบริเวณลายตกแต่งที่ผิวหน้า ได้ถูกผลิดขึ้นครั้งแรก
2523-2531 : ลามิเนตถูกนำออกมาขายและเป็นตัวเลือกให้กับวัสดุปูพื้น
2532 : แผ่นลามิเนต แบบ DPL (Directed Pressure Laminate) เป็น พื้นไม้ลามิเนตที่อัดเมลามีนโดยตรงด้วยแรงดันในช่วงเวลาสั้นๆ ได้ถูกผลิดขึ้นครั้งแรก ซึ่งช่วยปกป้องความชื้นได้มากกว่าเดิม
ภาพจาก : www.hoskinghardwood.com
2533-2539 : เริ่มมีลวดลายใหม่ๆนอกจากไม้ เช่น ลายหินอ่อน ออกมาพร้อมกับระบบคลิ๊กล็อค
2543 : เทคโนโลยีการลดเสียงได้ถูกคิดค้นใช้กับพื้นไม้ลามิเนต
2544-2548 : พื้นไม้ลามิเนตถูกทำให้เหมือนไม้จริงมากขึ้น โดยการเพิ่มลวดลาย สัมผัส พร้อมกับการป้องกันพื้นผิว
2549-2553: เริ่มมีการผลิตขนาดพื้นลามืเนตออกมามากกว่าเดิม เช่น พื้นหน้ากว้าง หรือหน้าแคบ หรือแม้กระทั้งการวาดลวดลายสวยงามลงบนพื้นไม้ลามิเนต
2553-2555: อุตสาหกรรมการผลิตพื้นไม้ลามิเนตได้ถูกพัฒนาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
2555-ปัจจุบัณ: พื้นไม้ลามิเนตก็ยังมีการพัฒนาต่อเนื่องถึงปัจจุบัณ ไม่ว่าจะเป็น โครงสร้าง ลวดลาย หรือ เกรดคุณภาพ
เกรดของพื้นลามิเนต
แผ่นไม้ลามิเนตมีการวัดคะแนนของการสึกและความสามารถในการทนแรงกระแทกเช่นกันโดยใช้มาตรฐานของประเทศยุโรป แบ่งเป็น AC และ IC
1. ค่า AC ของพื้นลามิเนต (Abrasion Classification)
ข้อกำหนดการสึกถลอกของผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ตามมาตรฐาน EN13329 มีค่าตั้งแต่ AC1 – AC5 โดยค่ายิ่งมากยิ่งแสดงถึงความคงทนมาก
AC 1 : 21 เป็นเกรดที่ต่ำที่สุด ใช้ในพื้นที่ ใช้สอยน้อยมาก เช่น ห้องรับแขก หรือห้องนอน
AC 2 : 22 เกรดรองขึ้นมา เหมาะกับที่ ที่มีการใช้สอยน้อย เช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องอาหาร
AC 3 : 23 และ AC 3 : 31 เกรดที่เนิยมที่สุดสำหรับการติดตั้งที่บ้าน เช่น ทางเดิน หรือ บันได
AC 4 : 32 เกรดที่ใช้สำหรับเชิงพาณิชย์ที่มีการใช้สอยหนัก
AC 5 : 33 เกรดที่ทนทานที่สุด ใช้กับที่ที่มีการใช้สอยหนักมาก
ซึ่งปกตินั้นแต่ละระดับจะมีการเพิ่มชั้นหนาของพื้นที่ทนต่อการสึกหรอระดับละ 60% เช่น AC2 จะทนต่อการสึกหรอมากกว่า AC1 60% และ AC3 จะมากกว่า AC2 60% แต่มากกว่า AC1 120% เป็นต้น
แต่แน่นอนว่ายิ่งถ้าเกรดมากขึ้น ราคาก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นควรที่จะเลือกใช้ความทนทานให้เหมาะสมกับพื้นที่ ที่จะติดตั้งพื้นมากที่สุดก็พอ
2. ค่า IC ของพื้นลามิเนต (Impact Classification)
ข้อกำหนดการทนแรงกระแทกลงบนผิวหน้าพื้นไม้ลามิเนต ตามมาตรฐาน EN13329 มีค่าตั้งแต่
IC1 – IC3 โดยค่ายิ่งมากยิ่งแสดงถึงความคงทนมาก
IC 1 10N/800mm 8N/1000mm = 12.5kg s2
IC 2 15N/1000 12N/1400= 15kg s2
IC 3 20N/1200 15N/1600 = 16.6kg s2
สิ่งที่ต้องตรวจสอบก่อนติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต
1. พื้นที่ที่จะติดตั้งได้ระดับหรือยัง ไม่เป็นแอ่งหรือนูน
ต้องแน่ใจว่าพื้นที่ที่จะทำการติดตั้งนั้นเรียบและแข็งแรง ไม่เป็นแอ่ง หรือนูน และควรมีระดับต่างกันไม่เกิน 3 มม. จำเป็นจะต้องมีการรื้อพื้นเดิมออกหากพื้นเดิมเป็นกระเบื้องที่หลุดร่อน พื้นยางที่ชำรุจ รวมถึงพรมที่ติดตั้งไว้ก่อนแล้ว แต่พื้นไม้ลามิเนตนั้นสามารถปูทับ พื้นกระเบื้องที่ไม่เสียหายได้ รวมถึงพื้นปูนที่เรียบได้ระดับได้เลย เพื่อที่ว่าคุณสมบัติลิ้นล็อคของพื้นจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งจะไม่เกิดการเดินแล้วยวบ หรือมีเสียงดังเพราะการปูพื้นลามิเนตนั้นจะเป็นการปูแบบลอย หรือที่เรียกกันว่า (Floating wood tile flooring) เพราะจะมีโฟมรองรับอยู่ข้างล่างก่อนพื้น ประมาณ 2 มม.
2. ความชื้นในที่ที่จะติดตั้ง
ต้องคำนึงว่าบริเวณที่ติดตั้งนั้นจะไม่มีน้ำซึม รั่วไหลออกมา เพราะไม้ลามิเนตนั้นไม่ถูกกับน้ำที่ขังเป็นเวลานาน อาจทำให้พื้นเสียหายได้ โดยการบวมหรือพอง และยังเรื่องปัญหาเรื่องเชื้อรา รวมถึงหากมีการปรับพื้นเตรียมไว้ ควรมั่นใจว่าพื้นนั้นแห้งสนิทดีแล้ว ถ้าหากยังก็ควรที่จะซ่อมแซมแก้ไขให้ดีก่อน
เครื่องมือที่ใช้สำหรับติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต
1. ตลับเมตร : สำหรับวัดระยะขอบเขตงาน
2. ดินสอ : ใช้สำหรับขีดเส้นทดหลังการวัด
3. ไม้บรรทัดฉาก : สะดวกต่อการวัด
4. ที่วัดระดับน้ำ : สำหรับตรวจสอบระดับพื้น ก่อนการติดตั้ง
5. เกรียง : ใช้สำหรับทำความสะอาดหน้าพื้นให้เรียบหากมีการปรับระดับพื้นหรือรื้อพื้น
6. ลิ่ม : ใช้สำหรับเว้นระยะเผื่อขยายให้แผ่นไม้ห่างจากกำแพง 1.5 มม.
7. เลื่อยวงเดือน : ใช้สำหรับตัดแต่งไม้ลามิเนต
8. เลื่อยเดือนปรับองศา : ใช้สำหรับตัดแต่งงานบัว
9. ค้อนยาง : สำหรับเคาะประกอบแผ่นพื้นไม้ให้สนิท
10. ปืนยิงซิลิโคน : สำหรับยิงซิลิโคนปิดบัวตัวจบกับไม้และผนัง
11. ไม้กวาด : สำหรับทำความสะอาดหลังเลื่อยไม้หรือกวาดฝุ่นก่อนทำการติดตั้งพื้น
อุปกรณ์ที่ใช้ที่ใช้สำหรับติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต
1. แผ่นไม้ลามิเนต หนา 6-12 มม. ตามจำนวน ตรม. ที่ต้องการจะติดตั้ง
2. แผ่นโฟม ความหนา 1.5 - 2 มม : ใช้รองพื้นก่อนติดตั้ง ช่วยลดเสียงและความชื้น
3. ซิลิโคน : ใช้ปิดบัวตัวจบกับไม้และผนัง
4. กาวร้อน : ใช้เชื่อมบัว ตัวจบ ที่ตัดแต่งไว้
วิธีติดตั้งพื้นไม้ลามิเนต
1. ตรวจสอบพื้นที่ที่จะติดตั้งว่าพื้นที่นั้นมีระดับที่พร้อมจะติดตั้งแผ่นไม้รึยัง โดยไม่เป็นแอ่งหรือเนิน ถ้าพื้นที่พร้อมก็ลงมือขั้นต่อไปได้เลย แต่ถ้าหากยังไม่พร้อมอาจจะต้องมีการปรับพื้นหรือที่เรียกกันว่า “Self leveling”
2. ทำความสะอาดพื้นโดยใช้เกรียงขูดนำฟองอากาศจากปูน หรือแม้กระทั้งกาวเก่าจากการรื้อพื้นเดิมให้เรียบร้อย ตามด้วยใช้ไม้กวาดเก็บฝุ่นในบริเวณที่ทำความสะอาด
3. ใช้โฟม PE FOAM ซึ่งผลิตมาจาก โพลีเอทิลีน (Poly Etylene) ความหนาประมาณ 2 มม. ปูบริเวณที่จะติดตั้งให้ครอบครุมพื้นที่ทั้งหมด โดยให้ชั้นที่เป็นพาสติกอยู่ด้านล่าง โฟมตัวนี้จะช่วยกันความชื้นจากพื้นปูนไม่ให้ไม้ลามิเนตเราบวมหรือมีเชื้อรา และยังช่วยลดเสียงจากการเดิน ทำให้ได้สัมผัสที่นุ่มขึ้นด้วย
4. เริ่มติดตั้งพื้นลามิเนตแถวแรกที่มุมห้อง เริ่มจากซ้ายไปขวาโดยใช้ลิ่มหรือเศษไม้ตัด เว้นระยะห่างจากผนังประมาณ 15 มม. หรือ 1.5 ซม. *สำคัญมาก เพื่อให้แผ่นไม้ลามิเนตสามารถหดขยายได้ถ้าเกิดโดนอากาศร้อนหรือเย็น ซึ่งเราสามารถใช้เศษไม้ที่ตัดเหลือมาทำได้
5. เมื่อติดตั้งถึงแผ่นสุดท้ายของแถวแรกให้ดูว่าพื้นที่ว่างเหลือเท่าไหร่หลังจากนั้นวัดโดยใช้ตลับเมตร และใช้ดินสอขีดบนแผ่นไม้ไว้เผื่อนำไปตัดออกให้พอดี
6. เริ่มแถวที่ 2 โดยใช้แผ่นไม้ที่เหลือจากแถวแรก และแผ่นไม้ควรจะยาวมากกว่า 30 ซม. ถ้าหากมีขนาดเล็กเกินไปให้ใช้แผ่นใหม่แล้วตัดครึ่งเลย หลังจากนั้นให้ติดตั้งแผ่นไม้จากด้านหัวก่อน แล้วค่อยสอดลิ้นไม้ด้านข้างให้เข้าโดยเอียงทำมุมเล็กน้อย ใช้ค้อนยางตอกให้แผ่นไม้เข้าล็อคพอดี โดยไม่ให้รอยต่อมีร่องเหลือ และอย่าฝืนหากแผ่นไม้ไม่เข้าล็อค ให้เริ่มทำใหม่เพื่อไม่ให้ลิ้นล็อคของไม้เกิดความเสียหาย
7. ทำสลับไปจนถึงแถวสุดท้ายโดยให้แถวสุดท้ายมีความห่างจากผนัง 1.5 เซนเช่นกันและติดจบด้วย ตัวจบขอบ หรือ บัว
8. ใช้ซิลิโคนชนิดใส ยิงใส่ระหว่างร่องพื้นกับบัวเพื่อปิดรอยต่อที่มีระหว่างพื้น และใช้ซิลิโคนชนิดขาวยิงระหว่างผนังกับบัว ตัวจบ
9. อย่าพึ่งทำความสะอาดพื้นโดยทันที ต้องรอให้ซิลิโคนที่ยิงไปนั้นแห้งก่อน ประมาณ 2-3 ชม. แล้วจึงใช้ผ้าหรือไม้ถูพื้น บิดให้หมาดแล้วถู
ความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการติดตั้งลามิเนต
1. ทุกครั้งที่สั่งซื้อแผ่นไม้ลามิเนตนั้นต้องเผื่อเศษตัดไว้เสมอ! หมายความว่า ถ้าหากห้องมีความกว้าง * ยาว เป็น 4 * 4 จะเท่ากับ 16 ตรม. จะต้องเผื่อเศษตัด 5 % ไว้เสมอเพราะไม้ที่นำมาตัดเข้ามุมจะไม่สามารถใช้ต่อได้ ดังนั้นก็ควรที่จะสั่งไม้เป็นจำนวน 16.8 ตรม. เป็นต้น สูตรคำนวณ “ (กว้าง * ยาว) *1.05 = ตรม. ที่ควรสั่ง ”
2. การติดตั้งพื้นควรจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำ เนื่องจากลดความเสียหายที่อาจเกิดกับพื้นเช่น ของใหญ่ตกใส่หรือแม้กระทั้งสีที่ทาหยดใส่พื้น
3. ประตูก็เป็นสิ่งสำคัญโดยระหว่างพื้นกับประตูควรมีความห่างระหว่างกันประมาณ 20 มม. ดังนั้นหมายความว่าประตูต้องทำให้เสร็จก่อนทำพื้น
4. ห้ามปูพื้นไม้ลามิเนตไว้บริเวณที่โดนน้ำฝนโดยเด็จขาด
วิธีดูแลรักษาพื้นลามิเนต
1. ห้ามเทน้ำลงบนพื้นไม้เป็นอันเด็จขาด เพราะอย่างที่ทราบกันว่าพื้นไม้ลามิเนตนั้นไม่ถูกกับน้ำเป็นอย่างมาก แต่ให้ใช้ผ้าหมาดๆหรือไม้ถูพื้นที่บิดจนหมาดแล้ว ถูทำความสะอาด
2. หากต้องเคลื่อนย้ายสินของที่มีน้ำหนักมากในห้องเช่น ตู้ โต๊ะ เตียง ให้ใช้ผ้าสักหลาด หรือยางรอง รองบริเวณระหว่างพื้นทุกครั้งเพื่อไม่ให้พื้นเกิดรอย
ถ้าหากท่านอ่านบทความนี้มาถึงตรงนี้แล้ว การติดตั้งพื้นลามิเนตอาจจะดูง่ายสำหรับท่านบางคนที่มีความรู้ช่างพื้นฐานและอุปกรณ์บางอย่างอยู่แล้ว แต่สำหรับบางท่านอาจจะนึกภาพไม่ออกเลยว่าสิ่งที่เขียนมานั้นมันต้องเริ่มยังไงจบยังไง อย่ากังวลไป!! บริษัทเรานอกจากจะเป็นผู้จำหน่ายพื้นลามิเนตแล้ว บริษัทเรายังมีช่างผู้เชี่ยวชาญ ที่สามารถทำให้เรื่องติดตั้งเป็นเรื่องง่ายสำหรับท่านไปได้เลย ด้วยทักษะ ประสบการณ์ และความคล่องแคร่ว อาจจะทำให้ห้องของท่านสวยขึ้นด้วยไม้ลามิเนตเพียงไม่กี่ชั่วโมง
แต่!! ปัจจุบัณมีสิ่งที่เรียกว่า "กระเบื้องยาง SPC" แบบคลิ๊กล็อคที่ถูกพัฒนามาแทนที่ พื้นไม้ลามิเนต และเริ่มใช้กันแพร่หลาย
ด้วยเทคโนโลยี ส่วนผสม และขั้นตอนการผลิตแบบใหม่ ทำให้ กระเบื้องยาง SPC มีข้อได้เปรียบกว่า พื้นไม้ลามิเนตแบบเดิมหลายข้อ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำ เรื่องปลวก หรือ ความทนทาน หากสนใจสามารถสอบถามกับทางเราได้
โปรโมชั่นกระเบื้องยาง SPC ตอนนี้!! https://www.bpfloor.com/spc-flooring
Reference: www.wikipedia.com